เซียลิส (Cialis) เป็นหนึ่งในยาที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมในการรักษาภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย ยาตัวนี้มีส่วนประกอบสำคัญคือ Tadalafil ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวและคงอยู่ได้นานขึ้นเมื่อมีการกระตุ้นทางเพศ
Tadalafil ใน เซียลิส มีความโดดเด่นเนื่องจากสามารถออกฤทธิ์ได้นานถึง 36 ชั่วโมง ทำให้ผู้ใช้มีความยืดหยุ่นในการเลือกช่วงเวลาที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์ ต่างจากยาบางตัวที่ต้องรับประทานก่อนการมีเพศสัมพันธ์ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น นอกจากนี้ เซียลิสยังได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในยาที่มีผลข้างเคียงน้อยเมื่อเทียบกับยาตัวอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกัน
ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องสมรรถภาพทางเพศที่เสื่อมถอย หรือแค่มองหาตัวช่วยเพิ่มความมั่นใจในเรื่องเพศ เซียลิส (Cialis) Tadalafil ก็เป็นทางเลือกที่ควรพิจารณา
เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน
- เซียลิส (Cialis) Tadalafil คืออะไร?
- รีวิวการใช้งาน Cialis จากผู้ใช้จริง
- ซื้อ Cialis Tadalafil ที่ไหนดี
- วิธีการใช้ เซียลิส (Cialis) Tadalafil อย่างถูกต้อง
- สรุปรีวิวและแนะนำการเลือกซื้อ
เซียลิส (Cialis) Tadalafil คืออะไร?
เซียลิส (Cialis) เป็นยาที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยบริษัทเภสัชกรรม Eli Lilly และ ICOS Corporation ในปี 2003 เพื่อรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction หรือ ED) ที่พบได้บ่อยในผู้ชาย ยานี้เป็นตัวเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายหลังจากที่ Viagra ได้รับการเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ เซียลิสถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ชายที่ต้องการยาเพิ่มสมรรถภาพทางเพศที่สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า
ความเป็นมาของการพัฒนา Cialis
ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 นักวิจัยพบว่าเซลล์ของร่างกายมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า phosphodiesterase type 5 (PDE5) ซึ่งเป็นตัวจำกัดการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ การยับยั้งเอนไซม์นี้ช่วยให้เลือดไหลเวียนเข้าสู่อวัยวะเพศได้มากขึ้น ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัว ด้วยความรู้เกี่ยวกับกลไกของเอนไซม์ PDE5 ทำให้ Cialis ถูกพัฒนาขึ้นจากสาร Tadalafil ซึ่งเป็นสารประกอบสำคัญในการยับยั้งเอนไซม์นี้
Tadalafil ได้รับการวิจัยและทดลองเป็นเวลาหลายปีก่อนที่จะถูกนำมาจดทะเบียนเป็นยาอย่างเป็นทางการ และได้รับอนุมัติจากองค์กรอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ในปี 2003 เพื่อใช้รักษาภาวะ ED นอกจากนี้ในปี 2011 Tadalafil ยังได้รับการอนุมัติให้ใช้ในการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia – BPH) อีกด้วย
สารประกอบสำคัญ: Tadalafil
Tadalafil เป็นสารที่ออกฤทธิ์หลักในยากลุ่ม PDE5 inhibitors ซึ่งมีหน้าที่ในการขยายหลอดเลือด โดยเฉพาะหลอดเลือดที่นำเลือดไปยังอวัยวะเพศของผู้ชาย สารประกอบนี้ช่วยให้กล้ามเนื้อเรียบในหลอดเลือดผ่อนคลาย ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นในบริเวณอวัยวะเพศ ทำให้การแข็งตัวของอวัยวะเพศเป็นไปอย่างธรรมชาติเมื่อมีการกระตุ้นทางเพศ
Tadalafil มีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถคงประสิทธิภาพในร่างกายได้นานกว่าสารอื่นในกลุ่มเดียวกัน เช่น Sildenafil (ที่ใช้ใน Viagra) ระยะเวลาที่ Tadalafil ออกฤทธิ์นั้นสามารถยาวนานได้ถึง 36 ชั่วโมง ทำให้ Cialis ได้รับฉายาว่า “ยาวันหยุดสุดสัปดาห์” เพราะผู้ใช้สามารถรับประทานยาในวันศุกร์และยังสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้จนถึงวันอาทิตย์โดยไม่จำเป็นต้องรับประทานยาเพิ่มเติม
การทำงานของ Tadalafil ใน Cialis
Cialis มีส่วนประกอบสำคัญคือ Tadalafil ซึ่งเป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่ม PDE5 inhibitors (Phosphodiesterase type 5 inhibitors) การทำงานของ Tadalafil ในร่างกายมีดังนี้:
- ยับยั้งเอนไซม์ PDE5: เมื่อผู้ชายได้รับการกระตุ้นทางเพศ ร่างกายจะผลิตสารที่เรียกว่า cGMP (cyclic guanosine monophosphate) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้หลอดเลือดในอวัยวะเพศขยายตัวและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ ส่งผลให้อวัยวะเพศแข็งตัว แต่เอนไซม์ PDE5 จะทำลาย cGMP ซึ่งจะหยุดการขยายตัวของหลอดเลือดและทำให้อวัยวะเพศไม่สามารถคงการแข็งตัวได้
- เพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ: Tadalafil จะยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ PDE5 ซึ่งส่งผลให้ระดับ cGMP สูงขึ้นและทำให้หลอดเลือดขยายตัวมากขึ้น จึงทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้ดีและนานขึ้นในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
- ความยืดหยุ่นในเวลา: จุดเด่นของ Tadalafil เมื่อเทียบกับยาอื่นในกลุ่มเดียวกันคือการออกฤทธิ์ที่ยาวนาน สามารถคงอยู่ในร่างกายได้นานถึง 36 ชั่วโมง นั่นหมายความว่าผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบในการเลือกเวลาที่จะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งต่างจากยาอื่น ๆ ที่ออกฤทธิ์ในช่วงเวลาสั้น
- ต้องมีการกระตุ้นทางเพศ: Tadalafil จะไม่ทำให้เกิดการแข็งตัวของอวัยวะเพศโดยอัตโนมัติ แต่จะต้องมีการกระตุ้นทางเพศก่อนเพื่อให้ยาทำงาน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดการแข็งตัวในช่วงที่ไม่ต้องการ
ใครที่เหมาะสำหรับการใช้ Cialis
- ผู้ชายที่มีปัญหาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED): Cialis เหมาะสำหรับผู้ชายที่ไม่สามารถคงการแข็งตัวของอวัยวะเพศให้เพียงพอต่อการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่จำกัดอายุ สามารถใช้ได้ตั้งแต่ผู้ชายวัยกลางคนจนถึงผู้สูงอายุ
- ผู้ชายที่ต้องการความยืดหยุ่นในช่วงเวลาของการมีเพศสัมพันธ์: สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้ยาในเวลาจำกัด Cialis เป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากมีระยะเวลาออกฤทธิ์ยาวนาน ผู้ใช้จึงสามารถวางแผนการมีเพศสัมพันธ์ได้โดยไม่ต้องรีบรับประทานยาในช่วงเวลาที่ใกล้ชิด
- ผู้ที่ต้องการการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต (BPH): นอกจากจะช่วยรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศแล้ว Cialis ยังสามารถใช้ในการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต ทำให้ลดอาการปัสสาวะติดขัดหรือปวดในผู้ชายที่มีปัญหานี้
- ผู้ที่ต้องการใช้ยาที่มีผลข้างเคียงน้อย: Cialis ถือว่าเป็นยาที่มีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาบางตัวในกลุ่มเดียวกัน ผลข้างเคียงที่พบส่วนใหญ่จะมีเพียงเล็กน้อย เช่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งมักหายได้เองในเวลาไม่นาน
รีวิวการใช้งาน Cialis จากผู้ใช้จริง
เนื่องจากผลลัพธ์ที่ยาวนานและผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง เราได้รวบรวมรีวิวจากผู้ใช้จริงดังนี้:
- คุณสมชาย อายุ 45 ปี “ผมมีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศมานาน เมื่อได้ลองใช้ Cialis ครั้งแรก รู้สึกได้เลยว่ามันช่วยได้จริง ไม่เพียงแต่อวัยวะเพศจะแข็งตัวได้นานขึ้น แต่ยังรู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้นด้วย ยานี้ออกฤทธิ์ได้ยาวนานเกือบสองวัน ผมไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเวลาเหมือนยาตัวอื่นที่เคยใช้มาก่อนเลยครับ”
- คุณวัฒน์ อายุ 53 ปี “ผมมีปัญหาทางเพศมาหลายปี และแพทย์แนะนำให้ใช้ Cialis ความรู้สึกที่แตกต่างจากยาตัวอื่นคือมันไม่ทำให้ผมรู้สึกเร่งรีบในการเลือกเวลาที่จะมีเพศสัมพันธ์ เพราะยามันออกฤทธิ์ได้นานถึง 36 ชั่วโมง นี่เป็นสิ่งที่ผมชอบมาก เพราะมันช่วยให้ผมมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้นครับ”
- คุณก้อง อายุ 38 ปี “ผมลองใช้ Cialis หลังจากได้ยินคำแนะนำจากเพื่อน ผลลัพธ์ดีเกินคาดครับ ยานี้ทำให้ผมมีความมั่นใจในช่วงเวลาสำคัญ และไม่ต้องกลัวว่าจะหมดฤทธิ์ก่อน ใช้แล้วไม่เจอผลข้างเคียงหนัก ๆ แค่ปวดหัวเล็กน้อยในครั้งแรกที่ใช้ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีปัญหาเลย”
- คุณธนา อายุ 60 ปี “ผมมีปัญหาต่อมลูกหมากโตและแพทย์แนะนำให้ใช้ Cialis ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เพียงแต่ช่วยลดอาการปัสสาวะติดขัด แต่ยังทำให้ผมมีสมรรถภาพทางเพศที่ดีขึ้น ผมใช้มาหลายเดือนแล้วและรู้สึกว่ามันช่วยให้ชีวิตคู่ของผมดีขึ้นมากครับ”
- คุณปกรณ์ อายุ 50 ปี “Cialis ช่วยผมเรื่อง ED ได้เยี่ยมจริง ๆ ไม่เหมือนยาตัวอื่นที่ต้องวางแผนรับประทานในช่วงเวลาที่จำกัด Cialis ช่วยให้ผมมีเวลาเลือกและไม่มีความกดดันเรื่องเวลาเลย การใช้ยานี้ทำให้ผมและคู่ของผมมีความสุขมากขึ้น”
สรุปรีวิวจากผู้ใช้จริง: จากรีวิวที่ได้จากผู้ใช้จริง ส่วนใหญ่จะเน้นถึงความสะดวกในการใช้ Cialis เพราะยามีระยะเวลาออกฤทธิ์ที่ยาวนาน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาในการมีเพศสัมพันธ์ และยังพบว่าผู้ใช้หลายคนได้รับประโยชน์เพิ่มเติมในการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโตอีกด้วย นอกจากนี้ ผลข้างเคียงที่พบมักจะไม่รุนแรงและหายไปได้เองภายในเวลาไม่นาน
ข้อดีของ Cialis
Cialis (เซียลิส) มีข้อดีหลายประการที่ทำให้ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่มีปัญหาสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction – ED) และผู้ที่ต้องการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia – BPH) ข้อดีที่สำคัญของ Cialis ได้แก่:
- ระยะเวลาออกฤทธิ์ยาวนาน: Cialis มีระยะเวลาออกฤทธิ์ที่ยาวนานถึง 36 ชั่วโมง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องรีบเร่งในการมีเพศสัมพันธ์ สามารถวางแผนและเลือกเวลาที่เหมาะสมได้อย่างอิสระ ยานี้จึงเป็นที่รู้จักในนาม “ยาวันหยุดสุดสัปดาห์”
- ออกฤทธิ์เฉพาะเมื่อมีการกระตุ้นทางเพศ: Cialis จะไม่ทำให้เกิดการแข็งตัวของอวัยวะเพศโดยอัตโนมัติ แต่ต้องมีการกระตุ้นทางเพศร่วมด้วย ดังนั้นผู้ใช้จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดการแข็งตัวในช่วงเวลาที่ไม่ต้องการ
- ใช้งานง่ายและไม่จำกัดมื้ออาหาร: ผู้ใช้สามารถรับประทาน Cialis ได้ทั้งก่อนหรือหลังอาหาร และไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการทานอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งแตกต่างจากยาบางชนิดที่ต้องรับประทานในขณะท้องว่างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- รักษาภาวะต่อมลูกหมากโต (BPH): นอกจากการรักษาภาวะ ED แล้ว Cialis ยังถูกใช้เพื่อรักษาภาวะต่อมลูกหมากโตได้อีกด้วย โดยช่วยบรรเทาอาการปัสสาวะติดขัดหรือปัสสาวะไม่คล่องตัวในผู้ชายที่มีปัญหานี้
- ผลข้างเคียงน้อย: Cialis มีผลข้างเคียงที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับยารักษาภาวะ ED ตัวอื่น ๆ เช่น Sildenafil (ไวอากร้า) ผู้ใช้ส่วนใหญ่รายงานว่าอาการข้างเคียง เช่น ปวดหัวหรือปวดกล้ามเนื้อ จะเกิดขึ้นในระดับเล็กน้อยและหายไปได้เองภายในเวลาไม่นาน
- ทางเลือกในการรับประทานยาประจำวัน: Cialis มีขนาดยาที่เหมาะสำหรับการรับประทานเป็นประจำทุกวัน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องคอยรับประทานยาเฉพาะในช่วงก่อนการมีเพศสัมพันธ์ ผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวกและยืดหยุ่นในชีวิตประจำวันสามารถใช้ขนาดต่ำเพื่อรักษาภาวะ ED ได้อย่างต่อเนื่อง
- ปรับปรุงคุณภาพชีวิตทางเพศ: การใช้ Cialis ช่วยให้ผู้ชายที่มีปัญหาสมรรถภาพทางเพศสามารถกลับมาใช้ชีวิตคู่ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ส่งผลให้ความสัมพันธ์และความพึงพอใจทางเพศดีขึ้น
ข้อเสียหรือผลข้างเคียงที่ควรรู้
แม้ว่า Cialis (เซียลิส) จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียและผลข้างเคียงที่ควรรู้ก่อนการใช้ยา ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ใช้ในการตัดสินใจเลือกใช้ยาอย่างมีความระมัดระวัง โดยทั่วไป Cialis มีผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรงสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีผลข้างเคียงบางประการที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้:
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:
- ปวดศีรษะ: อาการปวดศีรษะเป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุดในผู้ใช้ Cialis ซึ่งอาจเกิดขึ้นในระดับความรุนแรงที่ต่างกัน อาการนี้มักจะหายได้เองภายในระยะเวลาสั้น ๆ
- ปวดกล้ามเนื้อและปวดหลัง: บางคนอาจมีอาการปวดกล้ามเนื้อหรือปวดหลังหลังจากใช้ Cialis ซึ่งเกิดจากการขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด อาการเหล่านี้มักไม่รุนแรงและหายได้เอง
- อาการวิงเวียนหรือหน้ามืด: การขยายหลอดเลือดอาจทำให้ความดันโลหิตลดลงชั่วคราว ทำให้ผู้ใช้บางคนรู้สึกเวียนศีรษะหรือหน้ามืด โดยเฉพาะเมื่อเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว
- อาการคัดจมูก: Cialis อาจทำให้บางคนรู้สึกคัดจมูกหรือหายใจไม่สะดวก ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของหลอดเลือดในจมูก
- อาการร้อนวูบวาบที่ใบหน้า: บางคนอาจรู้สึกร้อนหรือแดงที่ใบหน้าหรือร่างกาย เนื่องจากการขยายหลอดเลือดที่เกิดขึ้นจากการใช้ยา
ซื้อ Cialis Tadalafil ที่ไหนดี
ร้านขายยาออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ: ในปัจจุบันมีร้านขายยาออนไลน์ที่ได้รับอนุญาตหลายแห่งที่สามารถจำหน่าย Cialis ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย การซื้อผ่านเว็บไซต์เหล่านี้สะดวกและปลอดภัย แต่ต้องเลือกเว็บไซต์ที่ได้รับการรับรอง มีรีวิวที่ดี และมีนโยบายการส่งสินค้าอย่างชัดเจน ตัวอย่างของเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ ได้แก่:
- เว็บไซต์ที่มีการให้ข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับตัวยาและวิธีการใช้ เช่น banvigra.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพทางเพศ
- ดูผลิตภัณฑ์ cialis คลิ๊ก
วิธีการใช้ เซียลิส (Cialis) Tadalafil อย่างถูกต้อง
การใช้ Cialis (เซียลิส) Tadalafil อย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction – ED) และภาวะต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia – BPH) อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย การใช้ยาไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือการไม่ได้รับประโยชน์จากยาอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้:
ขนาดยาสำหรับรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (ED):
- Cialis ขนาด 20 มิลลิกรัม: ใช้ก่อนการมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 30 นาที ขนาดนี้เป็นขนาดเริ่มต้นที่แพทย์มักแนะนำ ผู้ใช้สามารถปรับเพิ่มเป็น 20 มิลลิกรัม
- Cialis ขนาด 50 มิลลิกรัม: เป็นขนาดยาที่ใช้เมื่อผู้ใช้ต้องการผลที่แข็งแรงขึ้นสามารถออกฤทธิ์ได้ยาวนานถึง 12 ชั่วโมง
- Cialis ขนาด 100 มิลลิกรัม: สามารถออกฤทธิ์ได้นานถึง 20 ชั่วโมง ทำให้คุณสามารถวางแผนช่วงเวลาที่เหมาะสมได้โดยไม่ต้องเร่งรีบ
- Cialis ขนาด 200 มิลลิกรัม: เมื่อผู้ใช้ต้องการผลที่แข็งแรงขึ้น ด้วยการออกฤทธิ์ที่ยาวนานและปลอดภัย
- Cialis ขนาด 500 มิลลิกรัม: เป็นขนาดสูงสุดของ cialis สามารถออกฤทธิ์ได้ยาวนานถึง 36 ชั่วโมง
วิธีการรับประทานยา
- รับประทานยาพร้อมน้ำ: ควรรับประทานยา Cialis พร้อมกับน้ำเปล่า โดยกลืนยาทั้งเม็ด ไม่ควรบดหรือเคี้ยวยา
- ไม่ต้องหลีกเลี่ยงอาหาร: Cialis สามารถรับประทานได้ทั้งก่อนหรือหลังอาหาร ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงอาหารมันหรืออาหารหนัก ซึ่งแตกต่างจากยาบางชนิดในกลุ่มเดียวกัน
- ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 1 ครั้ง: หากรับประทานเป็นยารักษาภาวะ ED แบบเฉพาะกิจ ควรเว้นระยะอย่างน้อย 24 ชั่วโมงระหว่างการใช้ยา ไม่ควรรับประทานบ่อยกว่า 1 ครั้งต่อวัน
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากขณะใช้ Cialis อาจลดประสิทธิภาพของยาและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เช่น เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือความดันโลหิตต่ำ
ผลิตภัณฑ์เซียลิส
สรุปรีวิวและแนะนำการเลือกซื้อ
จากการรีวิวผู้ใช้จริง Cialis เป็นหนึ่งในยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) และภาวะต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia) โดยมีข้อดีที่สำคัญหลายประการ เช่น ระยะเวลาออกฤทธิ์ยาวนานถึง 36 ชั่วโมง ผลข้างเคียงที่น้อยเมื่อเทียบกับยาอื่นในกลุ่มเดียวกัน และการใช้งานที่ยืดหยุ่นไม่จำเป็นต้องรับประทานก่อนการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่จำกัด
ผู้ใช้หลายคนรายงานว่ามีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อใช้ยา Cialis เนื่องจากสามารถปรับใช้ได้ตามตารางเวลาชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องรีบเร่ง และไม่ต้องหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด นอกจากนี้ Cialis ยังสามารถใช้รักษาภาวะต่อมลูกหมากโต ซึ่งเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ชายที่ต้องการรักษาสมรรถภาพทางเพศและปัญหาต่อมลูกหมากในเวลาเดียวกัน